พระพุทธเจ้า ถ้าไม่บวชจะมีความสุขกว่านี้ จริงหรือ?

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin
Share on email

บางคนมีความเห็นว่า พระพุทธเจ้าไม่ฉลาดที่ออกบวช เพราะหากอยู่เป็นเจ้าชายต่อไปจะมีความสุขกว่านี้ โดยพวกเขาให้เหตุผลต่อไปว่าการบวชเป็นเหตุให้อดเสพสุขบนกองสมบัติมหาศาล อาทิ อำนาจล้นฟ้า, ปราสาทหรู, อาหารอร่อย, และนางบำเรอมหาศาล เป็นต้น ฯลฯ

บางคนที่มีความเห็นดังกล่าวยังกล่าวต่อไปว่าหากพวกเขาอยู่ในสถานะเดียวกัน พวกเขาจะไม่ออกบวชให้เสียของ ถ้าบางคนคิดว่าแค่นี้คือความสุขอันสูงสุด ควรได้ลองฟังพระสูตรนี้;

“…ภิกษุทั้งหลาย แต่ชาติที่แล้วมาแต่อดีต ตถาคตได้เคยเจริญเมตตาภาวนาตลอด ๗ ปี จึงไม่เคยมาบังเกิดในโลกมนุษย์นี้ตลอด ๗ สังวัฏฏกัปป์ และวิวัฏฏกัปป์

ในระหว่างกาลอันเป็นสังวัฏฏกัปป์นั้นเราได้บังเกิดใน ‘อาภัสสรพรหม’ ในระหว่างกาลอันเป็นวิวัฏฏกัปป์นั้น เราก็ได้อยู่พรหมวิมานอันว่างเปล่าแล้ว

ภิกษุทั้งหลาย ในกัปป์นั้น เราได้เคยเป็นพรหม ได้เคยเป็น ‘มหาพรหม’ ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครครอบงำได้เป็นผู้เห็นสิ่งทั้งปวงโดยเด็ดขาด เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ภิกษุทั้งหลาย เราได้เคยเป็น ‘สักกะ’ ผู้เป็นจอมแห่งเทวดานับได้ ๓๖ ครั้ง

เราได้เคยเป็นราชาจักรพรรดิผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม มีแว่นแคว้นจดมหาสมุทรทั้งสี่เป็นที่สุด เป็นผู้ชนะแล้วอย่างดี มีชนบทอันบริบูรณ์ประกอบด้วยแก้วเจ็ดประการนับด้วยร้อยๆ ครั้ง

ทำไมจะต้องกล่าวถึงความเป็นราชาตามธรรมดาด้วย…”

(หนังสือ พุทธวจน เล่ม กรรม หน้า ๗๗ /อิติวุ. ขุ. ๒๕/๒๔๐/๒๐๐)

อุปมาอุปมัยกับสัตว์บางชนิดที่เกิดและเจริญด้วยอาหารในกองขยะ ย่อมเห็นเฉพาะหน้าว่ากองขยะนั้นคือความสุขอันสูงสุด แต่สำหรับมนุษย์มองลงไปยังสัตว์เหล่านั้น ย่อมเกิดความรู้สึกไม่น่าพอใจ

ลำดับต่อมา มนุษย์ปุถุชนที่ติดอยู่ในกามคุณแบบโลก ๆ ยังไม่พบเจอสุขที่ประณีตกว่าย่อมเห็นเฉพาะหน้าว่า กามคุณแบบโลก ๆ นี้คือที่สุด แต่สำหรับเทวดามองลงไปยังมนุษย์เหล่านั้น ย่อมเกิดความรู้สึกไม่น่าพอใจ

ลำดับต่อมาอีก มนุษย์ผู้ฝึกตนจนก้าวล่วงปุถุชนภูมิไปสู่ความเป็นอริยะ ได้เข้าถึงธรรมอันประณีตแล้ว มองลงมาทั้งเทวดาและมนุษย์ ย่อมเกิดความรู้สึกไม่น่าพอใจในทั้งสองสถานะ

สำหรับ พระพุทธเจ้า มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาตินับไม่ถ้วนจึงได้รู้ ได้เห็นว่าตัวท่านได้เคยอุบัติเป็นสารพัดสัตว์

– ครั้นเป็นมนุษย์ก็เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
– ครั้นเป็นเทวดาก็เป็นจอมเทวราชา
– ครั้นเป็นพรหมก็เป็นมหาพรหม

ความสุขแบบไม่รู้จะสุขยังไงก็ผ่านมาหมดแล้ว สุขทุกชนิดล้วนมีเกิดและมีดับ หมดสุขก็เวียนไปเกิดในอบายบ้าง เป็นสัตว์บ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นมนุษย์บ้าง ฯลฯ ซ้ำไปซ้ำมา

พระพุทธเจ้าตรัสนิยามสิ่งเหล่านี้ เช่น ภพใหม่คือภัยที่น่ากลัว ก็ดี, ภพใหม่เป็นของน่ารังเกียจ ก็ดี ก็ด้วยเหตุนี้
ผู้มีปัญญาจะรู้เห็นได้เองว่าการเกิดเหล่านี้เป็นของน่าเบื่อหน่าย และสุดท้ายก็ไม่มีสุขใดจะเทียบได้กับการที่จิตนี้ก้าวพ้นออกจากระบบสังสารวัฏ

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin
Share on email