พุทธวจน: กิจที่ควรกระทำ เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin
Share on email

พุทธวจน: กิจที่ควรกระทำ เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่ เป็นบทสนทนา ระหว่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พระเจ้าปเสนทิโกศล หรือ พระเจ้าประเสนชิต กษัตริย์แห่ง โกศล จากราชวงศ์อิกษวากุ

เรื่องราวว่าด้วย พระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้สำเร็จพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ถึงแล้ว ยังมีสิ่งใดที่พระราชาพึงกระทำ แต่ยังมิได้กระทำได้อีก พระพุทธเจ้า จึงทรงอุปมาอุปมัยว่า ภูเขาสูงเทียมเมฆกลิ้งบดปวงสัตว์มา ความตายอันเที่ยงแท้อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อาจหลีกหนีได้แล้ว กิจอันใดที่มนุษย์ที่ยังเหลือเวลาอันน้อยอยู่พึงกระทำได้อีก

พระเจ้าปเสนทิโกศล ใคร่ครวญแล้วทราบว่า อุปมานั้น คือ ชราและมรณะ ธรรมชาติที่ปวงสัตว์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงตอบแก่ พระพุทธเจ้า ไปว่า:

“…ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้นเมื่อมหาภัยอันร้ายกาจ ที่ทำให้มนุษย์พินาศอันใหญ่โตถึงเพียงนั้น บังเกิดขึ้นแก่หม่อมฉัน อะไรจะพึงเป็นกิจที่หม่อมฉัน พึงกระทำ ในภาวะแห่งมนุษย์ที่ได้แสนยากเล่า นอกจาก การประพฤติธรรม นอกจาก การประพฤติสม่ำเสมอ นอกจาก การสร้างกุศล นอกจาก การทำบุญ…”

บาลีใช้คำว่า:

“…อธิวตฺตมาเน จ เม ภนฺเต ชรามรเณ กิมสฺส กรณียํ อญฺญตฺร ธมฺมจริยาย อญฺญตฺร สมจริยาย อญฺญตฺร กุสลกิริยาย อญฺญตฺร ปุญฺญกิริยาย…”

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๕ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค

เนื้อหาเต็มจากพระสูตร ดังนี้

ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับในตอนกลางวัน ครั้นแล้วได้ทรงอภิวาทแล้วประทับอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง; พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสกะท้าวเธอว่า เชิญเถิดมหาบพิตร พระองค์เสด็จมาแต่ไหนหนอแต่วัน

พระเจ้าปเสนทิโกศล: ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระราชา ผู้กษัตริย์ได้มูรธาภิเษกแล้ว ผู้เมาแล้วเพราะความเมาในความเป็นใหญ่ ผู้อันความกำหนัดในกามกลุ้มรุมแล้ว ผู้ถึงแล้วซึ่งความมั่นคงในชนบท ผู้ชนะซึ่งปฐพีมณฑลอันใหญ่แล้วครอบครองอยู่ ย่อมมีราชกรณียะอันใด บัดนี้หม่อมฉันถึงแล้วซึ่งความขวนขวายในราชกรณียะเหล่านั้น

พระพุทธเจ้า: ดูกร มหาบพิตร พระองค์จะทรงสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ณ ที่นี้ ข้าราชการของพระองค์ ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจาเป็นหลักฐาน พึงมาแต่ทิศตะวันออก เขาเข้ามาเฝ้าพระองค์ แล้วพึงกราบทูลอย่างนี้ว่า…

ขอเดชะพระมหาราชเจ้า ขอพระองค์พึงทรงทราบ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทข้าพระพุทธเจ้า พึงมาจากทิศตะวันออก ณ ที่นั้น ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นภูเขาใหญ่สูงเทียมเมฆ กำลังกลิ้งบดปวงสัตว์มาพระพุทธเจ้าข้า สิ่งใดที่พระองค์จะพึงทรงกระทำขอได้โปรดกระทำเสียเถิด

ลำดับนั้น ข้าราชการคนที่ ๒ ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจาเป็นหลักฐาน พึงมาแต่ทิศใต้ พึงกราบทูลอย่างนี้ว่า [รายงานเหตุการณ์เดียวกับ ข้าราชการคนแรก]

ถัดนั้น ข้าราชการคนที่ ๓ ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจาเป็นหลักฐาน พึงมาจากทิศตะวันตก พึงกราบทูลอย่างนี้ว่า [รายงานเหตุการณ์เดียวกับ ข้าราชการคนแรก]

ต่อจากนั้น ข้าราชการคนที่ ๔ ผู้ควรเชื่อถือ มีวาจา เป็นหลักฐาน พึงมาจากทิศเหนือ เขาเข้ามาเฝ้าพระองค์แล้ว พึงกราบทูลอย่างนี้ว่า [รายงานเหตุการณ์เดียวกับ ข้าราชการคนแรก]

ดูกรมหาบพิตร ครั้น เมื่อมหาภัยอันร้ายกาจ ที่ทำให้มนุษย์พินาศใหญ่โตถึงเพียงนี้บังเกิดขึ้นแล้วแก่พระองค์ อะไรเล่า ที่พระองค์จะพึงทรงกระทำในภาวะแห่งมนุษย์ที่ได้แสนยาก

พระเจ้าปเสนทิโกศล: ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้น เมื่อมหาภัยอันร้ายกาจ ที่ทำให้มนุษย์พินาศอันใหญ่โตถึงเพียงนั้น บังเกิดขึ้นแก่หม่อมฉัน อะไรจะพึงเป็นกิจที่หม่อมฉันพึงกระทำในภาวะแห่งมนุษย์ที่ได้แสนยากเล่า นอกจาก การประพฤติธรรม นอกจาก การประพฤติสม่ำเสมอ นอกจาก การสร้างกุศล นอกจาก การทำบุญ

พระพุทธเจ้า: ดูกรมหาบพิตร อาตมภาพขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงทราบ ดูกรมหาบพิตร ชราและมรณะย่อมครอบงำพระองค์ ดูกรมหาบพิตร ก็และ เมื่อชรามรณะ ครอบงำพระองค์อยู่ อะไรเล่า จะพึงเป็นกิจที่มหาบพิตรพึง กระทำ

พระเจ้าปเสนทิโกศล: ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็และ เมื่อชรามรณะ ครอบงำหม่อมฉันอยู่ อะไรเล่าจะพึงเป็นกิจที่หม่อมฉันควรจะทำ นอกจากการประพฤติธรรม นอกจากการประพฤติสม่ำเสมอ นอกจากการสร้างกุศล นอกจากการทำบุญ

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การรบด้วยช้างเหล่าใด ย่อมมีแก่พระราชาผู้เป็นกษัตริย์ ผู้ได้มูรธาภิเษกแล้ว ผู้เมาแล้วเพราะความเมาในความเป็นใหญ่ ผู้อันความกำหนัดในกามกลุ้มรุมแล้ว ผู้ถึงแล้วซึ่งความมั่นคงในชนบท ผู้ชนะซึ่งปฐพีมณฑลอันใหญ่แล้วครอบงำอยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่ คติวิสัยแห่งการรบด้วยช้างแม้เหล่านั้นไม่มีเลย

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การรบด้วยม้าแม้เหล่าใด ฯลฯ การรบด้วยรถแม้เหล่าใด ฯลฯ การรบด้วยทหารเดินเท้าแม้เหล่าใด ย่อมมีแก่พระราชาผู้เป็นกษัตริย์ ผู้ได้มูรธาภิเษกแล้ว ผู้เมาแล้วเพราะความเมาในความเป็นใหญ่ ผู้อันความกำหนัดในกามกลุ้มรุมแล้ว ผู้ถึงแล้วซึ่งความมั่นคงในชนบท ผู้ชนะซึ่งปฐพีมณฑลอันใหญ่แล้วครอบงำอยู่ คติวิสัยแห่งการรบด้วยทหารเดินเท้า แม้เหล่านั้นไม่มีเลย

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในราชสกุลนี้ มหาอำมาตย์ผู้มีมนต์ ซึ่งสามารถจะใช้มนต์ทำลายข้าศึกที่ยกมา ก็มีอยู่เหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่เมื่อชรามรณะครอบงำ คติวิสัยแห่งการรบด้วยมนต์ แม้เหล่านั้นหามีไม่

อนึ่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในราชสกุลนี้ เงินทองทั้งที่อยู่ในพื้นดิน ทั้งที่อยู่ในเวหาส ซึ่งพวกหม่อมฉันสามารถจะใช้เป็นเครื่องมือยุแหย่ให้ข้าศึกที่ยกมาแตกกัน ก็มีอยู่เป็นอันมาก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่เมื่อชรามรณะครอบงำ คติวิสัยแห่งการรบด้วยทรัพย์แม้ เหล่านั้นหามีไม่

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็แลเมื่อชรามรณะครอบงำอยู่ อะไรเล่าจะพึงเป็นกิจที่หม่อมฉันควรทำ นอกจากการประพฤติธรรม นอกจากการประพฤติ สม่ำเสมอนอกจากการสร้างกุศล นอกจากการทำบุญ

พระพุทธเจ้า: ถูกแล้วๆ มหาบพิตร ก็เมื่อชรามรณะครอบงำอยู่ อะไร เล่าจะพึงเป็นกิจที่พระองค์ควรทำ นอกจาก การประพฤติธรรม นอกจาก ประพฤติสม่ำเสมอ นอกจาก การสร้างกุศล นอกจาก การทำบุญ

ภูเขาใหญ่แล้วด้วยศิลา จดท้องฟ้า กลิ้งบดสัตว์มาโดยรอบทั้ง ๔ ทิศแม้ฉันใด ชราและมัจจุก็ฉันนั้น ย่อมครอบงำสัตว์ทั้งหลาย คือ พวกกษัตริย์ พวกพราหมณ์ พวกแพศย์พวกศูทร พวกจัณฑาล และคนเทมูลฝอย ไม่เว้นใคร ๆ ไว้เลย ย่อมย่ำยีเสียสิ้น ณ ที่นั้น

ไม่มียุทธภูมิสำหรับพลช้าง พลม้า ไม่มียุทธภูมิสำหรับพลรถ ไม่มียุทธภูมิสำหรับพลราบ และไม่อาจจะเอาชนะแม้ด้วยการรบด้วยมนต์หรือด้วยทรัพย์

เพราะฉะนั้นแล บุรุษผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญา เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ตน พึงตั้งศรัทธาไว้ในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมและในพระสงฆ์ ผู้ใดมีปรกติประพฤติธรรมด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญผู้นั้น ในโลกนี้นั่นเทียว ผู้นั้นละโลกนี้ไป ย่อมบันเทิงในสวรรค์ ฯ

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๕ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin
Share on email